แนวทางการเลือกโรงเรียน ในระดับชั้นประถมศึกษา

       โรงเรียนสาธิต  โรงเรียนประถม โรงเรียนดัง สอบเข้าป.1 สอบป.1  

 สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล สาธิตเกษตร สาธิตจุฬา สาธิต มศว 

สอบเข้าป.1 ที่ไหนดี  

แนวทางการเลือกโรงเรียน   

ในแบบ ทั่วไป

1.ใกล้ที่ทำงาน สำหรับคนเมืองใหญ่คงต้องใช้เกณฑ์นี้ก่อนการเลือกโรงเรียนใกล้บ้าน เพราะพ่อแม่กว่าจะฝ่าการจรจรมารับลูกได้ ลูกก็อาจติดอยู่ในโรงเรียนนาน แต่หากโรงเรียนอยู่ใกล้ที่ทำงาน การรับส่งจะสะดวกกว่า และเรายังมีเวลาใกล้ชิดกับลูกมากกว่าด้วย

2. สภาพแวดล้อมโรงเรียน  มีบริเวณ ร่มรื่น ปลอดภัย เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสได้วิ่งเล่น ได้สัมผัสแดดลมตามวัยของเขา และได้ทำอย่างปลอดภัยด้วย

3.ความสะอาด เรียบร้อย ซึ่งสามารถดูได้จากข้าวของเครื่องใช้ในโรงเรียนว่า มีการดูแลอย่างดีหรือเปล่า

4. ส่วนประกอบอื่นๆ ในบริเวณโรงเรียน มีเครื่องเล่นสนามให้เด็ก ดูให้ละเอียดด้วยว่าได้รับการดูแลหรือเปล่า เป็นสนิมหรือสีถลอกหรือเปล่า เพราะสีพวกนี้จะหลุดติดมือ เด็กเอาเข้าปากเป็นอันตรายได้ เครื่องเล่นที่เป็นไม้จะดีกว่าที่เป็นเหล็ก ยิ่งมีของเล่นเป็นไม้เท่าไหร่ยิ่งดี

5.นโยบายแบบไหน นโยบายโรงเรียนเป็นแบบเร่งเรียนหรือเตรียมความพร้อม เด็กบางคนพ่อแม่บอกว่าลูกอ่านเขียนเก่งคิดเลขได้ แต่พอถามเด็กถึงเรื่องราวที่นอกเหนือจากนั้นกลับตอบอะไรไม่ได้ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เพราะใช้เวลาไปกับการอ่านเขียนมากกว่า เพราะฉะนั้นนโยบายของโรงเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาลูกของเราให้เติบใหญ่เป็นคนที่มีความสุขต่อไป

6. กิจกกรมส่งเสริมเด็ก มีกิจกรรมหรือไม่ต้องดูว่ามีกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาพัฒนาการทั้ง 4 ด้านให้เด็กทำ โดยดูจากห้องเรียนว่ามีแต่โต๊ะ เก้าอี้ หรือกระดานหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่ามีการสอนอ่านเขียนอย่างเดียว โดยไม่ให้เด็กได้พัฒนาร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาเลย

7. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการสอน การจัดห้องการจัดห้องต้องจัดเป็นมุมของเล่น จัดเป็นมุมบ้านบ้าง มุมแต่งตัว มุมเล่นบล็อก มุมวาดภาพ ระบายสี ฯลฯ ถ้าไม่มีแสดงว่าลูกเราไม่มีโอกาสได้เล่น

8. อัตราส่วนระหว่างครูต่อเด็กเป็นอย่างไร หากครูต้องดูแลเด็กมากเกินไป แน่นอนว่าย่อมดูแลไม่ทั่วถึง เพราะฉะนั้นยิ่งอัตราส่วนครูต่อเด็กน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี

9. ท่าทีของครูและบุคลากรในโรงเรียนเป็นอย่างไร สามารถสังเกตได้ขณะพาลูกไปดูโรงเรียน ดูว่าครูในโรงเรียนหรือผู้ดูแลเด็กหันมาทักลูกเราบ้างมั้ย เพราะคนที่รักเด็กจะเป็นธรรมชาติเลยที่จะต้องดูเด็ก คุยกับเด็กก่อน ถ้าเขาไม่ใส่ใจเหลียวแลดู แสดงว่าเขาไม่รักเด็ก เป็นต้น

10. อาหารที่ให้เด็กทาน โดยดูว่านมที่โรงเรียนจัดให้เด็กมีปริมาณเท่าไหร่ อาหารที่ทานมีหมู เนื้อ ไก่ ผักมากน้อยแค่ไหน ภาชนะที่ใส่สะอาดหรือเปล่า ผ้าเช็ดมือเด็กๆ สกปรกหรือเปล่า แก้วที่เด็กกินน้ำ มีแก้วใบเดียวผูกไว้ที่ตู้น้ำเย็นหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้พ่อแม่ต้องสังเกตอย่างถี่ถ้วน เพราะเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพลูกของเรา

โรงเรียนสาธิต หรือโรงเรียนชื่อดัง 

ที่สอน ตั้งแต่ ป1 – ม.6

น่าเลือกเพราะ ได้รับการยกย่องว่าเป็นแนวโรงเรียนยอดฮิตในปัจจุบัน เพราะว่ากันว่า เนื่องจากมีอัตราการแข่งขันสูง ก็จะสามารถเรียนกันไปได้ยาวจนถึงจบมัธยม มีครูในระดับ มีมาตรฐานในด้านต่างๆ สูงถึงสูงมาก จนทำให้พ่อแม่รู้สึกว่าถึงเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้ม เมื่อคิดถึงค่าเล่าเรียนที่เรียกได้ว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับมาตรฐาน

คิดก่อนเลือก เพราะเป็นโรงเรียนยอดนิยมจึงทำให้อัตราการแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น ความเสี่ยงต่อการผิดหวังมีสูง จึงทำให้พ่อแม่หลายคนต้องลงทุนลงแรงกับการติวลูกเพื่อสอบแข่งขันล่วงหน้ากันเป็นแรมปี  ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงมาก  ซึ่งประมาณ ค่าใช้ในการติวลูก....... สัปดาห์ละ  1600- 3000 บาท  และต้องเรียน  อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 40 สัปดาห์ (ถึงจะเรียกได้ว่า  “ มีลุ้นบ้าง “  ) แต่ก็ไม่สามารถรับรองได้  และที่พลาด มาจาก เด็กไม่ได้รับการฝึกจากข้างใน   

        โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังบางแห่ง เริ่มต้นขายใบสมัครกันตั้งแต่ราว เดือนสิงหาคม กันยายน

        โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังบางแห่ง  ที่มีทั้งการสอบคัดเลือกและจับ ฉลาก เริ่มต้นขายใบสมัครช่วง หลังปีใหม่

         โรงเรียนสาธิต   มักเริ่มต้น ขายใบสมัครในช่วงเดือน มค.- กพ. ของทุกปี

โรงเรียนคาทอลิก

น่าเลือกเพราะ เป็นแนวโรงเรียนที่ได้รับความนิยมสืบเนื่องกันมายาวนาน เพราะนอกจากปลูกฝังความรู้ทางวิชาการแล้ว โรงเรียนคาทอลิกยังมักได้รับการยกย่องว่าปลูกฝังด้านระเบียบวินัยให้ลูกศิษย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

คิดก่อนเลือก เด็กที่จะลงสนามสอบคัดเลือกควรมีความพร้อม พอจะอ่านออกเขียนได้ สำหรับความพร้อมของพ่อแม่ โรงเรียนคาทอลิกหลายแห่งยังมักพิจารณาจากการนัดสัมภาษณ์ เพื่อจะได้คัดเลือกผู้ปกครองที่มีทัศนคติและแนวคิดที่สอดคล้องกับทางโรงเรียนนอกจากนี้ยังอาจมีเหตุผลอื่นๆ ประกอบในการพิจารณาคัดเลือกอีกด้วย พ่อแม่เคยเป็นศิษย์เก่า หรือเด็กมีพี่น้องเป็นศิษย์ปัจจุบันหรือไม่ หรือเป็นคริสตศาสนิกชนหรือเปล่า เป็นต้น

          โรงเรียนคาทอลิก ชายล้วน มักเริ่มต้นขายใบสมัครสอบกัน ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม

โรงเรียนคาทอลิก หญิงล้วน  มักเริ่มต้นขายใบสมัครสอบกัน ในราวต้นเดือนกันยายน

โรงเรียน EP (English Program)

น่าเลือกเพราะ เป็นแนวโรงเรียนที่ยังคงความเป็นไทยไว้ด้วยการสอนภาษาไทย ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยควบคู่กับการสอนวิชาทั่วไป คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ โดยครูชาวต่างชาติผู้เป็นเจ้าของภาษา หรือหากไม่ใช่เจ้าของภาษาก็จะต้องมีความรู้ ความสามารถ และความเข้า ใจในภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี คือมีผลคะแนนสอบ ไม่ต่ำกว่า550 หรือมีคะแนนสอบ ไม่น้อยกว่า และมีการจำกัดจำนวนนักเรียนต่อชั้นเรียน เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ

คิดก่อนเลือก ปัญหาเรื่องการจัดหาครูชาวต่างชาติให้ได้อย่างต่อเนื่องและมีมาตรฐานที่ดี นับเป็นปัญหาสำคัญของการจัดการเรียนการสอนแบบ เพราะครูผู้สอนควรมีความรู้ในเรื่องที่สอนและมีเทคนิคในการสอนที่จะถ่ายทอดให้นักเรียนเข้าใจได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษได้เท่านั้น

โรงเรียนนานาชาติ (International School)

น่าเลือกเพราะ เป็นแนวโรงเรียนที่สนับสนุนให้ลูกรู้และเข้าใจวัฒนธรรม รวมทั้งการใช้ภาษาต่างประเทศได้ดีโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าเป็นข้อได้เปรียบในการทำงานที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในอนาคตของลูกได้ นอกจากนี้ โรงเรียนนานาชาติยังมักมีมาตรฐานและกฎเกณฑ์ต่างๆ รับรองเพื่อความมั่นใจของพ่อแม่

คิดก่อนเลือก เมื่อการเรียนการสอนเป็นไปแบบ อินเตอร์ ค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงเป็นแบบ อินเตอร์ ซึ่งเรียกได้ว่าสูงมากเม ื่อเทียบกับโรงเรียนประเภทอื่นๆ และนอกจากค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมักต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประกอบการเรียนการสอนอีกด้วย ค่าหนังสืออ่านนอกเวลา ค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งบางครั้งอาจมีกิจกรรมที่ทำให้นักเรียนต้องเดินทางไปร่วมด้วยถึงต่างประเทศ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องใคร่ครวญถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาวให้ดีว่า จะรับมือได้อย่างตลอดรอดฝั่งหรือไม่

โรงเรียนทางเลือก

น่าเลือกเพราะ เป็นแนวโรงเรียนที่มักปลูกฝังทักษะชีวิตในด้านอื่นๆ การรู้จักธรรมชาติการรักษาสิ่งแวดล้อม สอนเรื่องการใช้สติและสมาธิให้นักเรียนนอกเหนือไปจากความรู้ที่ได้รับจากหนังสือเรียน นักเรียนจะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากคุณครูที่มักเน้นให้นักเรียนเกิดความ มากกว่า

คิดก่อนเลือก พ่อแม่ควรทำความเข้าใจกับแนวการเรียนการสอนและกฎระเบียบต่างๆ ของโรงเรียนให้ดีนอกจากนี้ บทบาทและความร่วมมือของพ่อแม่มีความจำเป็นไม่น้อยต่อการเรียนการสอนแนวทางเลือก พ่อแม่จึงควรมั่นใจว่ามีเวลาพอสำหรับสนับสนุนการเรียนรู้ของลูกด้วย

ทำไม? ถึงจะต้องเข้า

โรงเรียนสาธิต

หรือ

โรงเรียนชื่อดัง 

ที่สอน ตั้งแต่ ป1 – ม.6

    1.   หลักสูตรวิชาการสอน ครบทุกด้าน ..โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษ อีกเลย อย่าง       น้อย ตั้งแต่ ป1 ถึง ม. 3  .ซึ่งจะสามารถให้ลูกน้อย ได้...ใช้ชีวิตของตนเอง และ             สามารถไปเรียนรู้ การใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ไม่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านวิชาการ

    2.   และ ตลอด การเรียน อย่างน้อย ไม่ต้องแสวงหาโรงเรียน ใหม่ เพื่อ ให้ลูกน้อย ได้ ไป     ศึกษาต่อ ..ปรับตัว เข้ากับสังคมใหม่ๆๆ

    3.   รวมถึงสังคมสภาพแวดล้อม เพื่อ ครอบครัวของเพื่อนๆ ซึ่งเชื่อได้ว่า จะโตไปในสังคม     และมีเพื่อน ที่จะสนิทกันไป จนเติบใหญ่  และยัง มีโอกาส น้อยกว่า ในการจะเสียผู้       เสียคน หรือประพฤติไปในทางเลวร้าย น้อยกว่า 

     4.   ซึ่งในโรงเรียน ที่ติดอันดับ ต้นๆ  จะมีการกำหนดคุณสมบัติคุณครู อาจารย์ ผู้สอน          ..จะต้องจบการศึกษา อย่างน้อย ปริญญาโท...ซึ่ง จะทำให้เชื่อได้ว่า....มีแนวโน้มที่        จะดีกว่า คุณครูที่จบเพียงปริญญาตรี ( ซึ่งเป้ฯจำนวนมากที่จบ ปริญญาตรี ในสาย          การเป็นเป็นครู เพียงเพราะ ไม่ทราบว่า จะเรียนอะไร ...จึงเลือกเรียนครู ....
     และในบางโรงเรียน  ยังเป้ฯกฎ อีกว่า....” ห้ามครู อาจารย์ โรงเรียนนั้นๆ ไปสอน           พิเศษ ข้างนอก หรืออื่นใด...” ซึ่งจะส่งผล ให้ คุณครู จะมุ่งเน้นไปยังศิษย์ ของตนเอง      อย่างเต็มที่

สอบถามเพิ่มเติม มีคำแนะนำ อีกมากมาย  สอบเข้าได้โดยไม่ต้องไปเสียเงิน เพราะเราเชื่อว่า " คุณทำได้  ด้วยความรักที่เต็มปรี่ สำหรับลูกน้อย "
 คลิกทีนี่ 

5 สิ่งที่ต้องสอนลูกน้อย สู่สังคมภายนอก

สอบป. 1 สอบสาธิต พัฒนา เด็กเล็ก โรงเรียนประถม โรงเรียนอนุบาล สถานรับเรียนเด็ก เนอสเซอร์รี่

5 สิ่งที่ต้องสอนลูกน้อย สู่สังคมภายนอก 

                  5 สิ่งที่ต้องสอนลูกน้อย สู่สังคมภายนอก     เมื่อลูกน้อย เดินคล่อง พูดได้ เริ่มเข้าใจสิ่งรอบข้าง สิ่งที่จะสร้างความประทับใจกับ คนรอบข้าง 

เป็นเรื่องที่ต้อง สร้างให้ลูกน้อย ในอันดับแรก  ในเรื่อง ของ มารยาท เป็นสิ่งสำคัญ

1. การพูดคำว่า " กรุณา"  "โปรด"  และ " ขอบคุณ "
             คำพูดเหล่านี้ เป็นคำพูดที่จะแสดงถึง  ความเคารพ  ตลอดจน แสดงถึง ความกตัญญู  รู้คุณของผู้ให้ 

เมื่อได้เกิดการสนทนา กับผู้อื่น คุณก็จะต้องประหลาดใจอย่างมาก ไม่ว่า ลูกของคุณ หรือลูกน้อยของใครๆ ก็ตาม ได้กล่าวประโยค เหล่านี้ออกมา ซึ่งจะบ่งบอก ถึงการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดู ของครอบครัว
   
2. การกล่าวชมเชย ผู้อื่น รวมถึง การอวยพร  การกล่าวอำลา 
          เริ่มตั้งแต่การกล่าวทักทาย "สวัสดี "  " เก่งจังครับ/ค่ะ"  "ดีที่สุดเลย"  ตลอดจน  " โชคดีครับ/ค่ะ"
    " สวัสดีครับ/ค่ะ " " เดินทางโดยสวัสดิภาพ" "แล้วพบกันใหม่" ฯลฯ
   คำพูดเหล่านี้ จะเป็นการสร้างความประทับใจอย่างยิ่ง และยังเป็นการแสดงออกถึงการอ่อนน้อมถ่อมตน ของลูกน้อยอีกด้วย
 

3.การพูดโทรศัพท์
              การพูดโทรศัพท์ นั้น เป็น ปลายทาง ที่จะแสดงถึง ระเบียบความคิดของลูกน้อยได้ เป็นอย่างดี
         เพราะในการรับโทรศัพท์ นั้น การรับฝากข้อความ  ได้แก่ ชื่อคนที่ โทรเข้ามาหา  วัตถุประสงค์ที่โทรมา และโทรมาหาใคร  ซึ่งลูกน้อย จะต้องเข้าใจในการเรียง จัดอันดับการถาม และจำ จนถึงการบอกต่อข้อความเหล่านั้น ไปยัง ปลายทาง ให้ได้อย่างสำเร็จ

4.การช่วยเหลือตนเอง และผู้อื่น
            เป็นการแสดงออก ถึงความไม่เห็นแก่ตัว  ซึ่งไม่ใช่เรื่อง ที่จะทำให้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่เกินกว่าลูกน้อยจะต้องทำ  เช่น การเปิดประตู ค้างไว้ในคนหลัง เข้าก่อน หรือการจับประตูค้างไว้  หรือ อาจจะการแสดงออกอย่างยิ่งใหญ่สำหรับลูกน้อย การเสียสละ เก้าอี้ให้ผู้สูงอายุนั่ง  เป็นต้น

5.การรอคอยผู้อื่นพูดจบก่อน 

           เรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่ลูกน้อย จะต้องหยุดเมื่อมีการสนทนา ของอีกฝ่าย  และ การขออนุญาตที่จะพูดขึ้นมาบ้าง ซึ่งการพูดขึ้นแทรก ในขณะที่ผู้อื่นพูดนั้น จะถือได้ว่าเป็นการแสดงมารยาทที่หยาบคายมาก  

ทั้ง 5 ประการนี้   ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการสอนลูกที่ดีที่สุด คือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง แสดงให้ดูเป็นประจำ และ ย้ำเมื่อเรากระทำเสร็จสิ้น และ ชี้แจงเหตุผล รวมทั้ง จังหวะเวลา สถานการณ์ในการกระทำ สิ่งเหล่านี้ ไปด้วย   เช่น คู่สนทนา กำลังจะกลับ เรากล่าวคำอำลา  ถ้าเขายังไม่กลับ เราก็จะต้องไม่กล่าว เพราะจะทำให้เกิดความหมายในทางตรงกันข้ามได้เช่นกัน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม คลิกที่นี่



เครดิต

ก

ติด มือถือ แท็ปเล็ต ตอนที่ 5

ลูกเล็ก เด็กเล็ก ติดมือถือ สอบป.1 ข้อสอบ เข้าสาธิต   

ติด มือถือ แท็ปเล็ตตอนที่ 5 การดูคลิป หรือ ดูหนัง จาก เว็บไซด์ต่างๆ 

                     จากที่ได้บอกกล่าวมาทั้งหมด .......ตั้งแต่ ตอนที่ 1 ถึง ตอนที่ 4 ....... แต่ยังคงมี

                ข้อ  ต้อง ต้อง ต้อง ต้อง   ระวัง เป็นอย่างยิ่ง

       1. การโฆษณา ต่างๆ .....ไม่ว่า จะเป็นภาพ เสียง หรือ อื่นๆ  ....เป็นการล้างสมอง จุงใจ เชิญชวน ทั้งสิ้น ....ต้อง ข้ามไป ห้าให้เห็นโดยเด็ดขาด ถ้าเป็นไปได้ ......... แต่ถ้าลูกน้อย จะต้องการดู ก็ต้องอธิบาย ....หรือบอกไปได้เลยว่า ...วัตถุประสงค์ของการ โฆษณานี้ คืออะไร ....งและอะไร ที่เป็นจริง หรืออะไร ที่เนการหลอกลลวง

        2. รูปภาพ โป๊ อนาจาร ทารุณ โหดร้าย ต่างๆ .... ที่ อยุ่บริเวณ โดยรอบ ของ เว็บไซด์ต่างๆ นั้น ...จะต้อง ..จัดการ ข้ามไป อย่าให้ลูกน้อยดู ....ซึ่งถ้าดูบ่อยๆ แล้ว..... จะทำให้ลูกน้อย เกิดความเคยชิน ทำให้ เกิดความรู้สึกว่า  สิ่งกรือการกระทำเหล่านั้น เป็นเรื่องปกติ.............ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง .............

.............. เลือกเว็บไซด์ ที่ดีมีมากมาย  ที่ไม่มีการการโฆษณา เหล่านี้ แอบแฝงอยุ่.......................

......(  การเรียบเรียง บทความนี้  ไม่สามารถ ชี้แจงให้ได้โดยละเอียด เท่าไหร่นัก ...เพราะจะขึ้นอยู่ที่ ลักษณะ ของเด็กๆ แต่ละคน .....แต่ขอให้ท่านมองเห็นภาพ รวมก่อน ...สงสัย สอบถามเข้ามาใน inbox ได้ เสมอ )

ติด มือถือ แท็ปเล็ต ตอนที่ 4

สอบเข้าป.1   สอบสาธิต  โรงเรียนประถม โรงเรียนอนุบาล  พัฒนาการเด็ก 

ติด มือถือ แท็ปเล็ต

ตอนที่ 4 ใช้ประโยชน์ จาการดูหนัง  ( ยังมีต่อ ตอนที่ 5  )

............................... เด็กติดหนังภาพยนต์ หรือ หนังการ์ตูน ..............
เด็กดูได้ ..........ไม่ใช่ เรื่องเลวร้ายซะทั้งหมด  ..............เพราะการดูหนัง หรือภาพยนต์ใดๆ ก็ตาม 

เป็นการดู สังคม หรือชีวิต ของผู้อื่น....... แต่   แต่  แต่ แต่  แต่

 1. ห้ามดูหนัง ที่เรียกว่า ติดเลท  โหดร้าย ทารุณ ภาพเสมือนจริง  โป๊  และหนัง ที่ การใช้กำลังในการ

       แก้ปัญหา ..
2. ห้ามดูหนังนั้นๆ คนเดียว โดยเด็ดขาด

3. ห้าม ปิดไฟ มืด และเสียงดังเกินไป  ในขณะดูหนัง  เนื่องจาก จะทำให้เด็ก มุ่งมั่นไปที่

        การดู มากเกินไป

       ....และ ..( นั่น จะเป็นการล้างสมอง เด็กๆ ไปในตัวส่วนหนึ่ง

      ( เป็นกลไก การล้างสมองของการสร้าง ผู้ก่อการร้าย ในชีวิตจริง..)



.............. และที่พ่อแม่.................ต้องทำ ....

1. ในการดูครั้งแรก .............พ่อแม่ จะต้องนั่งดูอยู่ด้วยเสมอ .... และ อธิบาย หลักการคิด เหตุผล ที่ตัว

ละครแสดง ชี้ผิด ชี้ถูกให้ด้วย และ ถ้าเกิดเหตุนั้นๆ ในชีวิตจริง จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร  ...และอธิบาย

ไปตลอดเรื่อง....ทุกฉากทุกตอน..เพื่อป้องกันลูกน้อย คิดตามภาพยนต์นั้นๆ ว่าเป็นเรื่องดี เรื่องถูก

ต้อง... .....( ซึ่ง คุณพ่อคุณแม่ ควรจะดูหนัง เรื่องนั้นๆ ก่อน ซัก หนึ่งรอบ ) 

2. ต้องดูเรื่องนั้นๆ มากกว่า สองรอบ .....เพราะ .....ในการดูครั้งแรก เด็กๆ จะไม่เข้าใจ ....ในเรื่อง

ราว....เมื่อดูครั้งที่สอง ...เด็กๆ จะรู้ถึงผลลัพท์ต่างๆ จากเหตุการณ์ต่อไป ได้เป็นอย่างดี ......แต่ พ่อแม่ ก็

ต้องยังคงอธิบาย ตลอดเรื่อง ที่เหมือนเดิม แต่อาจจะไม่ละเอียด เท่ากับครั้งแรก

3. มีการพัก ทุก 15-20 นาที เสมอ .......และเมื่อจบหนัง ....สอบถามความคิดเห็นของลุกน้อยด้วย ว่าดูแล้วรู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไรบ้าง.....และ

ถ้าเป็นไปได้ ...ให้ ไปเล่าเรื่อง ที่ ดู ให้แก่คนอื่นๆ ฟัง.....ซึ่งจะเป็นการฝึกในการเล่าเรื่อง  การจัดเรียง

ลำดับ ความคิด ได้เป็นอย่างดี ...........

.......... และที่สำคัญ ขอย้ำ ...........อย่า ให้ดูอยู่ หนัง ตามลำพัง ......

......

(  การเรียบเรียง บทความนี้  ไม่สามารถ ชี้แจงให้ได้โดยละเอียด เท่าไหร่นัก ...เพราะจะขึ้นอยู่ที่ ลักษณะ ของเด็กๆ แต่ละคน .....แต่ขอให้ท่านมองเห็นภาพ รวมก่อน ...สงสัย สอบถามเข้ามาใน inboxได้ เสมอ )

ติด มือถือ แท็ปเล็ต ตอนที่ 3

สอบเข้าสาธิต สอบเข้าป.1  พัฒนาการเด็ก 

ติด มือถือ แท็ปเล็ต

ตอนที่ 3  ใช้ประโยชน์ จาการเล่นเกม  (ยังมีต่อ ตอนที่ 4 ด้วย)

......และที่ เด็กๆ เป็นกันทุกคน คือการติดเกม............. ใช่ เป็นเรื่องที่แย่มากๆๆ .....ถ้าลูกน้อยติดเกม........นั้น คือ การติดเกมที่ไม่ได้สร้างสรร อะไรเลยให้แก่เด็กๆ ....เช่น angry bird เป็นต้น  .....แต่ในมุมกลับกัน ยังมีเกมอีกมากที่ ลูกน้อย ได้มีโอกาส ในการการความรู้ ความคิด และ พัฒนาการด้านต่างๆ ได้ .... 

.............................. App Game    ..........................................

           1. เกมนั้น ...จะเพียงเป็นเกมที่ สั้นๆใช้ระยะเวลาจบเกมในเวลาอันสั้น( ถ้าคุณไม่เสียตัง(และไม่สมควร ที่จะต้องซื้อเกม ไม่ว่าเกมอะไร เพื่อให้ลูกน้อยเล่น )   ....ซึ่ง ไม่สามารถ ส่งเสริมความรู้ หรือพัฒนาการให้เด็กๆ ได้ครบถ้วน ....

............ทางออก .....หาแบบฝึกหัด สมุดวาดเขียน หนังสือเกมต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับ เกมนั้นๆ ไว้รองรับด้วย 

               2. พ่อแม่ จะต้อง อ่าน  สอน  อธิบาย คำศัพท์ ที่อยุ่ในเกมนั้น ทั้งหมด ให้แก่ลูกน้อยด้วย
                        เป็นต้น..............

       App เกม ใน ค่าย ของ   BABY BUS .....ที่คุณสามารถ เลือกโหลดลงมาให้ลูกน้อยได้เล่นได้ ทุกเกม ตามระดับอายุ....แต่ทุกอย่างย่อมมี เงื่อนไข หรือข้อจำกัดเสมอ ......

                3. พ่อแม่ จะต้อง ชมเชย และปลอบใจ ด้วยเมื่อเล่นแพ้หรือชนะ ...และจะต้องให้เด็กๆ เข้าใจ ด้วยว่า  นั่น เป็นเพียงแค่เกม..ไม่ใช่เรื่อง ที่จะมากำหนดว่า จะต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น  และ เกมทุกเกม สร้างมาเพื่อให้เล่นแพ้ และให้เล่นไม่มีวันสิ้นสุด

                4. กำหนดช่วงเวลาที่เล่นเกม.เสมอ

                5. และเกม ใน baby bus นั้น ...ให้เด็กๆ หัดออกเสียงพูดตามด้วย จะยิ่งประโยชน์ยิ่งขึ้น  และที่สำคัญ การแบ่งปัน ร่วมกับ คนในครอบครัว ที่เป็นผุ้ใหญ่

......(  การเรียบเรียง บทความนี้  ไม่สามารถ ชี้แจงให้ได้โดยละเอียด เท่าไหร่นัก ...เพราะจะขึ้นอยู่ที่ ลักษณะ ของเด็กๆ แต่ละคน .....แต่ขอให้ท่านมองเห็นภาพ รวมก่อน ...สงสัย สอบถามเข้ามาใน inboxได้ เสมอ )

การสอน ลูกน้อยในวัยก่อนเรียน

 สอบเข้า ป.1พัฒนาการลูกน้อย 
แด่คุณพ่อคุณแม่ เพื่อลูกน้อย  เพื่อโลกที่สวยงาม  


การสอน ลูกน้อยในวัยก่อนเรียน


(วัยก่อนเรียน คือ ตั้งแต่ แรกเกิด ถึง อายุ  6 ปี 6เดือน )

ภายใน  คือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ ลูกน้อยโดยตรง 

- กระบวนการคิด  การเรียงลำดับ การคิดตามลำดับขั้น ที่ คุณพ่อคุณแม่ ต้อง ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง  สอนให้ลุกน้อยทำ แล้ว ปล่อยในทำด้วยตนเองซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า 

- การช่วงเหลือตนเอง กิจวัตรประจำวัน เริ่มตั้งแต่ ตื่นนอน จนถึง นอนหลับ จบไปเป็นวันๆ ไป

- สภาวะทางอารมณ์  ยิ้ม หัวเราะ รัก เกลียด เศร้า ร้องไห้(การร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่สำคัญ คือการปล่อยวาง การหยุดร้องไห้ได้ด้วยตนเอง)  เป็นต้น

- ร่างกายของลูกน้อย  ที่สามารถใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว และสมบูรณ์แบบ ( เช่นการยืนทรงตัว บนไม้กระดานเป็นต้น   รวมถึงการใช้ได้อย่างละเอียดอ่อน เช่น การระบายสี โดยน้ำหนักสีเท่ากันทั้งภาพ)

 

ภายนอก จะหมายถึง สิ่งที่แสดงออกมาพูดคนภายนอก (รวมทั้งพ่อแม่ด้วย) ได้รับทราบถึงความต้องการ ความรู้สึก ความคิด ของลูกน้อย

                - การเข้าสังคม การวางตัว กับพ่อแม่ กับเพื่อน กับคนรู้จักทั่วไป และกับคนไม่รู้จัก รวมทั้งสัตว์ สิ่งของต่างๆ ด้วย ( เช่นการในความเคารพ ต่อ สิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต เป็นต้น)

                - การพูด  การคุย คือ การใช้ภาษา ที่จะต้องสามารถ ให้ชัดเจน และ บ่งบอกได้ถึงสิ่งที่คิด ที่ต้องการ ตรงตามวัตถุประสงค์ของ ลูกน้อย

                - การแสดงออก คือ กริยาท่าทางและการบอกบอกถึงความต้องการของตนเอง ต่อสิ่งต่างๆ และการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวเอง ภายใต้ จุดยืนและในความสามารถของตัวเอง ทั้งการตอบรับ และการปฏิเสธ และอื่นๆ

ความรู้  คือ สิ่งที่จะสามารถนำไปสร้างและก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับตนเองและผู้อื่น

                - การอ่านออกเขียนได้  คือความเข้าใจ ในภาษาต่างๆ ทั้งภาษาเขียน  ภาษาร่างกาย และ ภาษาจากรูปภาพต่างๆ

                - ศิลปะ  คือทั้งหมด การวาดรูป การระบายสี การร้องเพลง + ดนตรี การแสดงต่างๆ และอื่นๆ
                                 ทั้งนี้ รวมทักษะ ด้านกีฬาด้วย   ทั้งศิลปะ และกีฬา เป็นสิ่งที่ต้องรู้ และได้สัมผัส ได้ ทดลองทำเล่น ไปกับมันในทุกๆ อย่าง 

                - และที่สำคัญ การแยกแยะได้   ระหว่างเรื่องจริง กับ เรื่องไม่จริง  สิ่งที่มีจริง สิ่งที่ไม่มีจริง และ สิ่งที่อาจจะมีจริงได้ให้อนาคต

               

ถึงจะไม่ครบทุกเรื่องโดยละเอียด แต่ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ลูกน้อย ของคุณ ควร และจะ

ต้องรู้   ไม่ใช่ ให้รู้เท่าที่คุณรู้ หรือ รู้เท่าที่เราคิดว่า แค่ควรรู้  ....

             และ โรงเรียนสำหรับลูกน้อย ในวันก่อนเรียน ( ตั้งแต่เกิด จน จบระดับอนุบาล)   ไม่สามารถ ให้ลูกคุณ ได้ทั้งหมด โรงเรียน จะเป็นเพียง สถานที่เปิดโลกให้กับลูกน้อยของคุณได้เพียง 30 %  เท่านั้น   ซึ่ง อีก 70 % อยู่ที่ตัวพ่อแม่  จะพัฒนาลูกได้  พัฒนากระบวนการคิดของคุณก่อน   ไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหม ที่ สร้างลูกน้อยของคุณ อันเป็นที่รักที่สุด  ที่ได้ก่อกำเนิดจาก ความใสบริสุทธิ์ ( ศูนย์) จากความว่างเปล่า   ให้เต็มไปด้วยคุณภาพ 
            สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่  ( ไม่มีค่าใช้จ่ายและด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง ) 

                                            FACEBOOK 

google sit
                                                              LINE ID : mr.sunn.rise